WhatsApp vs WhatsApp Business App นั้นต่างกันอย่างไร ?
เมื่อเดือนมกราคม 2561 ที่ผ่านมา WhatsApp ได้ออกแอปแยกออกมาเป็นพิเศษเรียกว่า “WhatsApp Business” ซึ่งก็คือแอป WhatsApp เนี่ยแหละแต่มีฟังก์ชันเพิ่มเติมขึ้นมาให้เหมาะกับการใช้งานสำหรับธุรกิจขนาดเล็กโดยเฉพาะ เพื่อเข้าถึงความต้องการของผู้ใช้ WhatsApp ได้มากขึ้น ก่อนหน้านี้หากใครอยากจะใช้ WhatsApp เพื่อจุดประสงค์ด้านธุรกิจล่ะก็ ต้องใช้เบอร์ของตัวเองติดตั้งบัญชีผู้ใช้ถึง 2 ครั้งบนมือถือเครื่องเดียวกัน ทำให้ต้องคอยสลับไปมาใช้กันให้ลำบาก แต่ด้วยแอปใหม่นี้จะทำให้คุณมาสามารถใช้ 2 บัญชีแยกกันผ่านคนละแอปได้ในเครื่องเดียวกันซึ่งสะดวกมากกว่าเดิมมาก ว่าแต่ 2 แอปนี้มันต่างกันยังไงบ้างนะ ใครอยากรู้ก็ตามไปอ่านเรียงข้อกันเลยค่ะ
โลโก้ต่างกัน
อย่างแรกเลยที่สังเกตได้ง่าย ๆ ก็คือโลโก้ที่แตกต่างกันนั่นเอง โดย WhatsApp Business App นั้นจะมีโลโก้เป็นรูปตัว B และ WhatsApp ธรรมดามีโลโก้เป็นรูปโทรศัพท์ที่เราคุ้นตากัน
หน้าต่างแชทจะถูกระบุไว้ชัด
เมื่อคุณได้รับข้อความ WhatsApp จะแจ้งให้ทราบว่าเป็นบัญชีผู้ใช้นี้เป็น Business App บนหน้าต่างแชทเป็นตัวอักษรเพื่อขนาดเล็กเพื่อแจ้งให้ทราบไว้ ตามภาพทางด้านบนเลยค่ะ
คำอธิบายเกี่ยวกับธุรกิจ
ใน WhatsApp Business app นั้นคุณสามารถที่จะสร้างโปรไฟล์เกี่ยวกับธุรกิจที่คุณทำอยู่ได้อย่างเหมาะสมมากขึ้นด้วยการใส่รายละเอียดที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ เช่น ที่อยู่ คำอธิบายเกี่ยวกับธุรกิจ เวลาทำการ และช่องทางการติดต่อได้ทั้งอีเมลและเว็บไซต์ต่างๆ ทำให้ลูกค้าสามารถรับข้อมูลตรงนี้ได้สะดวกมากขึ้น และติดต่อกันได้ง่ายขึ้น
ตอบกลับได้อย่างรวดเร็ว
WhatsApp Business app มีเครื่องมืออันแสนชาญฉลาดที่เรียกว่า “Quick Reply” ไว้ตอบสำหรับคำถามที่เจอลูกค้าถามบ่อยๆ ประหยัดเวลาของผู้ใช้งานแอปนี้ไปได้อีกมากเลยทีเดียว
เวลาที่มีคนถามคำถามมา เราก็แค่ต้องกดปุ่ม slash (/) พร้อมกับคีย์เวิร์ดที่ต้องการเช่น “ขอบคุณ” ข้อความ Quick Reply ก็จะขึ้นมาให้เราเลือกโดยอัตโนมัติ ทำให้ไม่ต้องตอบคำถามซ้ำ ๆ ด้วยการพิมพ์ใหม่ตลอดเวลา ซึ่งเครื่องมือนี้จะไม่มีอยู่ในแอปปกติของ WhatsApp
ข้อความกล่าวทักทาย
คุณสามารถตั้งค่าข้อความทักทายสำหรับลูกค้าได้ใน WhatsApp Business app ซึ่งแอปจะทำการส่งข้อความทักทายนี้ให้คุณโดยอัตโนมัติให้ลูกค้าใหม่หรือหลังจาก 14 วันที่ไม่ได้รับการตอบกลับใด ๆ จากลูกค้า
ส่งข้อความเมื่อไม่อยู่ตอบข้อความ (Away Message)
อีกฟังก์ชันนึงที่ WhatsApp Business app มีก็คือ “Away Message”ไว้ใช้ยามต้องการหากไม่อยากให้ลูกค้ารอนานโดยไม่รู้ว่าเราหายไปไหน เมื่อไหร่จะกลับมาว่างตอบ หรือแนะนำให้เยี่ยมชมเว็บไซต์สำหรับข้อมูลที่ต้องการก่อนได้
แผ่นป้ายแยกประเภท
คุณสามารถสร้างแผ่นป้ายเป็นสีต่าง ๆ เพื่อแบ่งประเภทได้ หากคุณขายของ คุณก็สามารถสร้างป้ายข้อความอย่างออเดอร์ใหม่ รับเงินแล้ว ค้างจ่าย หรือจบงานของออเดอร์นั้น ๆ แล้ว คุณก็จะสามารถดูข้อความที่แท็กแบ่งประเภทได้ง่ายขึ้น
ช่องการค้นหา
เช่นกัน ฟังก์ชันนี้มีเฉพาะสำหรับ WhatsApp Business app เท่านั้น ทำให้ผู้ใช้สะดวกต่อการค้นหาข้อความที่ยังไม่ได้อ่านได้ หรือค้นหาบทสนทนาที่ตัวเองต้องการได้ด้วยการค้นหาจากที่นี่ที่เดียว ท่ามกลางข้อความมากมายที่คุยไว้กับลูกค้าหลายราย
และนี่ก็คือความแตกต่างกันระหว่าง WhatsApp กับ WhatsApp Business App หากใครที่ใช้ WhatsApp สำหรับธุรกิจอยู่แล้วยังไม่ได้ลองโหลด WhatsApp Business App มาใช้ ได้เห็นฟังก์ชันพิเศษต่างๆเหล่านี้ที่มีไว้ทำให้สะดวกขึ้นสำหรับผู้ใช้เห็นทีจะต้องโหลดมาใช้แทนแล้วล่ะค่ะ เพราะถ้าใช้ WhatsApp ส่งข้อความที่เหมือน ๆ กันให้หลายคนเยอะเกินไปอาจจะถูกแบนเอาได้ หากสงสัยว่าต้องทำยังไงถ้าไม่อยากให้ตัวเองถูกแบนจาก WhatsApp ตามไปอ่านให้รู้วิธีป้องกันกันไว้ดีกว่าแก้ค่ะ ส่วนใครอยากโหลด WhatsApp เวอร์ชันล่าสุดและอยากสมัครเป็น Beta Tester ของ WhatsApp ก็ตามไปอ่านโพสนี้กันดูได้เลย ส่วนครั้งหน้าเราจะนำทริคดี ๆ เกี่ยวกับ WhatsApp อะไรมาฝากอีก รอติดตามในบล็อกต่อไปได้เลยค่ะ
ที่มา:
- gizbot.com
- guidingtech.com
WhatsApp Messenger
WhatsApp เป็นแอปการสื่อสารที่ออกแบบมาสำหรับสมาร์ทโฟนที่ให้ผู้ใช้ส่งข้อความผ่านเครือข่ายไร้สายหรือ 3G เมื่อมีการเชื่อมต่อ
แชทหรือส่งวิดีโอ รูปภาพและเสียง บันทึก ไปยังรายชื่อติดต่อ (รวมทั้งหมายเลขระหว่างประเทศ) โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม การปรับแต่งแอพและได้การแจ้งเตือนเมื่อบางคนส่งข้อความมาให้คุณWhatsApp Business
WhatsApp Business เป็นแอปที่ทำงานเช่นเดียวกับ WhatsApp Messenger แต่มีฟังก์ชันพิเศษต่างๆที่ทำให้การติดต่อทางธุรกิจของคุณสะดวกสบายและรวดเร็วมากขึ้น ช่วยให้เจ้าของธุรกิจขนาดเล็กติดต่อกับลูกค้าได้ง่ายขึ้นไปอีกขั้น