วิธีการแก้ไขแอปแอนดรอยด์ที่ไม่ทำงาน
มือถือหรือแท็บเล็ตของคุณนั้นเต็มไปด้วยแอปมากมายหลากหลายชนิดใช่ไหม ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว คุณคงเคยประสบกับปัญหาหรืออาจจะประสบกับปัญหาว่าแอปใดแอปหนึ่งไม่ทำงาน เช่น กำลังรันแอปอยู่ดีๆ ก็ค้างขึ้นมา หรือว่าปิดแอปไปเอง หรือไม่ก็เปิดไม่ขึ้น เป็นต้น ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนมันก็ทำงานได้อย่างปกติ ปัญหานี้อาจเกิดมาจากตัวแอปเอง หรือเกิดจากแอปอื่นที่ส่งผลต่อตัวแอปที่ไม่ทำงานก็ได้เช่นกัน
ไม่ว่าปัญหาจะเกิดจากอะไรก็ตาม อย่าพึ่งหัวเสียไป ลองทำตามเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ที่เรานำมาฝากกัน หลายคนทำตามแล้วยืนยันว่ามันเวิร์ค มาลองดูกัน
ขั้นตอนแรก: วิธีแก้ปัญหาแบบดึกดำบรรพ์
รีสตาร์ทมันซะ – ใช่แล้ว คุณฟังไม่ผิดหรอก สิ่งแรกที่คุณควรลองหลังจากเจอปัญหาเกี่ยวกับแอปก็คือรีสตาร์ทอุปกรณ์ของคุณ เพียงแค่กดปุ่มเปิด/ปิดมือถือค้างไว้สักพัก และกดที่ “รีสตาร์ท” หากว่าไม่มีตัวเลือกรีสตาร์ทปรากฎขึ้นมา ให้กดปุ่มเปิด/ปิดค้างไว้ประมาณสามสิบวินาทีเพื่อบังคับให้เครื่องปิดลง แล้วจึงเปิดเครื่องใหม่อีกครั้ง
อัปเดตแอป – เข้าไปที่ Play Store และดูว่ามีการอัปเดตใหม่ๆ ของแอปที่มีปัญหาอยู่หรือไม่ ถ้ามีให้ทำการอัปเดทมันซะ เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพราะบั๊กที่มีอยู่ในแอปรุ่นก่อนก็ได้ ซึ่งการอัปเดตมักจะแก้ไขบั๊กเหล่านี้ให้หายไป
อัปเดตแอนดรยอด์ของคุณ – หากคุณอัปเดตแอปแล้ว มันยังคงมีปัญหาอยู่เหมือนเดิม คุณอาจต้องทำการอัปเดตเวอร์ชั่นแอนดรอยด์ของคุณด้วยแล้วทีนี้ วิธีการนั้นก็ไม่ยาก ให้ไปที่ “การตั้งค่า” —> “การตั้งค่า” —> “การอัปเดตระบบ” ถ้าหากว่ามีการอัปเดตเวอร์ชั่นใหม่ ก็ให้จัดการซะเลย
ขั้นตอนที่สอง: สำรวจตัวเลือกของแอป
บังคับให้หยุด – คุณอาจต้องบังคับให้แอปหยุดลง โดยปกติแล้วอุปกรณ์ของคุณมักจะเสนอตัวเลือกนี้ให้โดยอัตโนมัติหากตรวจพบว่าแอปของคุณมีปัญหา อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่มีตัวเลือกอัตโนมัติปรากฎขึ้นมาให้ไปที่ “แอป” —> “ข้อมูลแอป” —> “ชื่อแอปของคุณ” —> “บังคับให้หยุด” คำสั้งนี้จะบังคับให้แอปหยุดทำงาน ทีนี้คุณจามารถลองเปิดแอปขึ้นมาใหม่ละดูว่ามันกลับมาใช้งานได้เป็นปกติหรือเปล่า
ล้างแคช – แอปทุกแอปมีการสะสมข้อมูลแคชไว้ในเครื่องของคุณ และมันก็เป็นไปได้ว่าข้อมูลแคชเหล่านี้แหล่ะที่เป็นสาเหตุของปัญหาของแอป ให้คุณไปที่หน้าจอเดิมเช่นเดียวกับขั้นตอนข้างบนและกดปุ่ม “ล้างแคช” แทนปุ่มบังคับให้หยุด
ล้างข้อมูล – หากว่าหลังจากการล้างแคชแล้ว มันยังไม่ได้ผล ให้คุณเพิ่มความรุนแรงของการจัดการไปอีกขั้น นั่นก็คือการล้างข้อมูล วิธีการก็ง่ายแสนง่าย กลับไปยังหน้าจอเดิมเช่นเดียวกับข้างบน และแทนที่จะกดปุ่มล้างแคช ให้กดปุ่ม “ล้างข้อมูล” แทน
ถอนการติดตั้ง – หากว่าคุณลองมาทุกวิธีแล้ว แต่มันก็ยังไม่ได้ผลอีก คราวนี้ถึงเวลาที่คุณต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดแล้ว เข้าไปในหน้าจอเช่นเดียวกับด้านบน และกด “ถอนการติดตั้ง” เสียเลย หลังจากนั้นให้โหลดแอปเดิมใหม่อีกครั้ง
หวังว่าขั้นตอนเล็กๆ น้อยๆ นี้จะช่วยแก้ไขปัญหาจากแอปให้คุณได้ นอกจากนั้น การใช้แอปเครื่องมือที่ควบคุมการทำงานของเครื่อคุณอยู่เสมอจะช่วยลดโอกาสของปัญหาการไม่ทำงานของแอปได้ อีกทางเลือกหนึ่งก็คือ ให้คุณลองติดต่อนักพัฒนาแอปดู แจ้งพวกเขาถึงปัญหา เพื่อที่พวกเขาจะได้สามารถแก้ไขมันในการอัปเดตครั้งต่อไป
Clean Master Phone Boost
แอพล้างไฟล์ขยะและเพิ่มประสิทธิภาพมือถือ เพิ่มความเร็วให้เครื่องมือถือ ช่วยลดการใช้พลังงานแบตเตอรี่ และมีตัวสแกนไวรัส